เกษตรวิถีธรรมชาติ
โครงการอบรมหลักสูตร “เกษตรอินทรีย์ วิถีเพอร์มาคัลเจอร์”
โครงการอบรมหลักสูตร “เกษตรอินทรีย์ วิถีเพอร์มาคัลเจอร์”
มูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา
มูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา ร่วมมือกับบริษัท ศาลานา ออแกนิค วิลเลจ (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จํากัด (เริ่มปี 2562)
เป้าหมายโครงการ
สร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการทำเกษตรอินทรีย์ ในรูปแบบเพอร์มาคัลเจอร์ (Permaculture)ให้กับเกษตรกรหรือผู้สนใจทั่วไป นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการเพาะปลูกตามบริบทพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม
ความสำคัญของโครงการ
แผนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดอยู่ในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ข้อที่ 12 ซึ่งกล่าวส่วนหนึ่งให้ความสำคัญกับการดูแลทั้งสายพานจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค รวมไปถึงการจัดการการใช้ทรัพยากรธรรมชาติร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ การกำจัดขยะและลดมลพิษ อีกทั้งประเด็นเรื่องเกษตรอินทรีย์นับเป็นเรื่องที่ทั่วโลกขับเคลื่อนอย่างจริงจัง ในการส่งเสริมเพื่อเพิ่มพื้นที่การผลิต ลดปัญหาด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เราจึงมุ่งเน้นจัดทำโครงการอบรมหลักสูตร “เกษตรอินทรีย์ วิถีเพอร์มาคัลเจอร์” ให้ความรู้ ความเข้าใจกับเกษตรกร และผู้สนใจทั่วไป เพื่อยกระดับความรู้ ที่สามารถสร้างผลผลิตที่ปลอดภัยต่อการบริโภค ต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างโอกาสทางด้านเศรษฐกิจที่นำไปสู่ระบบเกษตรกรรมยั่งยืน
แนวคิดการออกแบบหลักสูตร
1. “เชื่อมั่น” ให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องระบบนิเวศธรรมชาติที่เอื้อต่อการทำเกษตรที่ไม่ต้องพึ่งสารเคมี ให้ข้อมูลเรื่องกระแสการผลิตและบริโภคอาหารปลอดภัย ต้นแบบความสำเร็จ
2. “ทำได้” ให้ความรู้เรื่องหลักการออกแบบผังฟาร์ม การปรับปรุงบำรุงดิน การใช้จุลินทรีย์ในระบบเพาะปลูก การเก็บและเพาะเมล็ดพันธุ์ การทำปุ๋ยหมักแบบกลับกองจากวัสดุเหลือใช้
3. “ขายเป็น” ให้ความรู้การทำการตลาดในรูปแบบต่างๆ การขอรับรองและใช้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์
4. “เห็นแบบอย่าง” ให้มีการศึกษาดูงานในพื้นที่ฟาร์มต้นแบบ
โครงการอบรมหลักสูตร “เกษตรอินทรีย์ วิถีเพอร์มาคัลเจอร์”
มูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา
การดําเนินโครงการ
ในปี 2562 - 2563 จัดอบรมหลักสูตร “เกษตรอินทรีย์ วิถีเพอร์มาคัลเจอร์” มีการจัดอบรมจำนวน 9 ครั้ง มีผู้เข้าอบรมจำนวนทั้งสิ้น 94 ราย ดังนี้
ครั้งที่ 1 : วันที่ 23-24 กุมภาพันธ์ 2562
ครั้งที่ 2 : วันที่ 4-5 พฤษภาคม 2562
ครั้งที่ 3 : วันที่ 13-14 กรกฎาคม 2562
ครั้งที่ 4 : วันที่ 21-22 กันยายน 2562
ครั้งที่ 5 : วันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2562
ครั้งที่ 6 : วันที่ 29 กุมภาพันธ์ ถึง วันที่ 1 มีนาคม 2563
ครั้งที่ 7 : วันที่ 8-9 สิงหาคม 2563
ครั้งที่ 8 : วันที่ 20 กันยายน 2563
ครั้งที่ 9 : วันที่ 31 ตุลาคม ถึง วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563
รูปแบบการอบรม
1. ระบบนิเวศธรรมชาติ เรียนรู้ระบบการเกื้อกูลกันของธรรมชาติ ซึ่งประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตด้วยการจัดองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของกิจกรรมภายในฟาร์มให้มีกลไกตามธรรมชาติที่คอยควบคุมและสร้างสมดุลในระบบการเพาะปลูก อาทิ การเลี้ยงไก่ในแปลงปลูกผลไม้เพื่อให้ไก่กินหนอนในผลไม้ที่หล่นใต้ต้นซึ่งเป็นการตัดวงจรชีวิตของแมลงวันทอง การปลูกตะไคร้เพื่อใช้ใบในการรองพื้นคอกไก่เพื่อป้องกันไรไก่ เป็นต้น
2. ออกแบบผังฟาร์ม เรียนรู้หลักการออกแบบผังฟาร์มตามวิถีเพอร์มาคัลเจอร์ ( Permaculture) ที่เอื้อต่อการจัดการ การหมุนเวียน การเกื้อกูลทรัพยากรในฟาร์มอย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์ต่อวิถีการดำรงชีวิตของเกษตรกร
3. ทำปุ๋ยหมักแบบกลับกอง เรียนรู้การนําวัสดุเหลือใช้ในแปลงฟาร์ม และเศษอาหารมาทำปุ๋ยหมักให้เกิดขยะเป็นศูนย์ ( Zero waste) เพื่อลดต้นทุน ลดการพึ่งพาปัจจัยจากภายนอก และสร้างมูลค่าเพิ่มจากการขายปัจจัยการผลิต
4. การปรับปรุงดิน และการใช้จุลินทรีย์ เรียนรู้การปรับปรุงดินประเภทต่างๆ ให้เหมาะสมกับระบบเพาะปลูก และเก็บจุลินทรีย์ในพื้นที่ เพิ่มปริมาณและการใช้เพื่อย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ (Organic matter) เพื่อเป็นธาตุอาหารให้กับพืชในฟาร์ม
5. ศึกษาดูงานพื้นที่ต้นแบบ เยี่ยมชม แลกเปลี่ยน เรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์ที่ประสบความสำเร็จ อาทิ แนวคิดการทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์ เทคนิคการเพาะปลูก การทำปุ๋ย เครื่องมือการเกษตร เทคโนโลยีในฟาร์ม การทำการตลาด เป็นต้น
ผลสะท้อนจากผู้เข้าอบรม “เกษตรอินทรีย์ วิถีเพอร์มาคัลเจอร์”
“ได้ประโยชน์จากการมาอบรมในครั้งนี้มากค่ะ เพราะวิทยากรมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์จริง ตอบข้อสงสัยได้เข้าใจง่ายและชัดเจน ทำให้รู้สึกมั่นใจมีหลักคิดอย่างเป็นระบบมากขึ้น สามารถนําหลักคิดไปวางผังฟาร์มเกษตรบนพื้นที่ของเราได้ด้วยความเข้าใจลักษณะพื้นที่ ดิน ฟ้า อากาศ ตามหลักการเกื้อกูลกันของระบบนิเวศ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดลดของเสียในฟาร์ม สุดท้ายคือการลงมือทำ คงเริ่มจากการขุดบ่อน้ำ ทำระบบน้ำในโรงเรือน และแปลงเกษตรทั้งไม้ยืนต้น ไม้ผล และแปลงผัก”
“การอบรมสนุกมากค่ะ อาจารย์อธิบายอย่างเป็นเหตุและผล เห็นภาพโดยรวมมากขึ้น ทีมงานก็ดูแลดี รู้สึกมีกําลังใจในการเริ่มต้นทำเกษตร คิดว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้มาทั้งหมด สามารถนําไปใช้ได้จริง ไม่ว่าจะไปทำเกษตรจริงจังหรือทำอยู่กับบ้านก็ได้หมดค่ะ หลังจากที่เรียนไป จะเอาความรู้ไปใช้ในทุกๆ ด้าน เริ่มตั้งแต่วางผังแปลง ปรับปรุงดิน การปลูก การทำปุ๋ย การดูแลเลยค่ะ”